NICE FOR ENVIRONMENT 'เป็นมิตรที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม'

เผยแพร่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว
NICE FOR ENVIRONMENT ‘เป็นมิตรที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม’
ชวนคนเมืองผันตัวมาเรียนวิชาสิ่งแวดล้อม 101
ปัญหาสิ่งแวดล้อมคือปัญหาใหญ่ระดับต้นๆ ของโลก ยุคที่เรากำลังอาศัยอยู่ ไม่ใช่เป็นยุคแห่งการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา แต่เป็นยุคแห่งการแก้ไขว่าจะพลิกฟื้นสถานการณ์ธรรมชาติที่เลวร้ายให้ดีขึ้นอย่างไร ซึ่งหนึ่งในสาเหตุของการเกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมอันยาวนานเกิดจากการบริโภคและอุปโภคของมนุษย์ ฉะนั้นเป้าหมายปีนี้ของ Bangkok Design Week 2023 ในการสร้าง urban‘NICE’zation หรือ ‘เมือง-มิตร-ดี’ นั้น ภารกิจที่เราให้ความสำคัญเป็นอย่างแรกคือการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมและการทำให้เมืองเป็นเมืองสีเขียวยิ่งขึ้น
หากพวกเราช่วยกันปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต เลือกใช้อย่างคิดคำนึงถึงธรรมชาติ ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 รวมถึงมลภาวะทางน้ำและขยะต่างๆ ย่อมลดน้อยลง คุณภาพชีวิตของผู้คนก็ย่อมดีขึ้นไปด้วย วันนี้จึงอยากชวนทุกคนมาดูไอเดียของการเปลี่ยนแปลงว่าคนตัวเล็กๆ อย่างเราจะเริ่มอย่างไรดีเพื่อเอาชนะปัญหาสิ่งแวดล้อมที่อยู่ภายในกรุงเทพฯ เมืองใหญ่เมืองนี้กันได้บ้าง
จัดการขยะให้ถูกวิธี
ปัญหาขยะเป็นปัญหาที่มีมานาน เหตุหนึ่งเพราะคนไทยยังคุ้นชินกับการทิ้งขยะแบบไม่คัดแยกเพื่อนำไปใช้ประโยชน์อื่นต่อ ในฐานะบุคคลธรรมดาที่อยากแก้ปัญหา เราสามารถเริ่มจากการแยกขยะตามประเภทต่างๆ ให้ถูกต้องเพื่อให้หน่วยงานเก็บขยะสามารถนำไปแยกรีไซเคิล หรือกำจัดได้อย่างถูกวิธี
สร้างสรรค์ธุรกิจและสินค้าจากการรีไซเคิลและอัพไซเคิล
ถ้าใครมีไอเดียสร้างสรรค์ก็สามารถนำขยะเหล่านั้นมา upcycle ต่อยอดให้เกิดเป็นสินค้าและธุรกิจใหม่ๆ ได้เช่นกัน ก่อให้เกิดเป็นเศรษฐกิจหมุนเวียนที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
อย่าง Precious Plastic ก็เป็นหน่วยงานของคนตัวเล็กๆ ที่รู้สึกว่าอยากแก้ปัญหาขยะในสังคมและให้คนหันมาสนับสนุนอุตสาหกรรม รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากการ Recycle และ Upcycle ขยะพลาสติกกันมากขึ้น เกิดเป็น Workspace ที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ให้ผู้คนมาลองสร้างชิ้นงานจากการแปรรูปขยะพลาสติก ส่งเสริมให้เกิดคอนเน็กชันและตลาดที่ซัพพอร์ตสิ่งแวดล้อมไปด้วยกัน เป็นโปรเจกต์ที่เริ่มต้นที่ต่างประเทศ แต่แพร่มาหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ในกรุงเทพฯ เช่นเดียวกัน
กินอาหารแบบพอดี ให้ความสำคัญกับ Food Waste
ขยะอาหาร หรือ Food Waste กำลังกลายเป็นประเด็นปัญหาใหญ่ในระบบเช่นกัน เนื่องจากต้องสิ้นเปลืองทรัพยากรธรรมชาติในการผลิตและทรัพยากรบุคคลในการกำจัดภายหลัง ซึ่งปัญหานี้แก้ได้ ถ้าเราทุกคนรู้จักบริโภคแต่พอดี โดยเน้นบริโภคให้หมดภายในวันหมดอายุ ไม่เหลือทิ้งอย่างไร้ประโยชน์ รวมถึงสนับสนุนอาหารสดใหม่ในชุมชนที่มีการผลิตวันต่อวัน
แต่ในเชิงอุตสาหกรรมอาหารต่างๆ ยังแก้ปัญหานี้ได้ยาก นั่นจึงเป็นที่มาของ SOS Thailand หน่วยงานที่ดูแลนำอาหารที่เหลือจากซูเปอร์มาร์เก็ตและชุมชน ที่คุณภาพดียังสามารถรับประทานได้ ไปแจกจ่ายเพื่อสร้างประโยชน์ให้แก่ผู้ที่ต้องการ เป็นการแก้ไขปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมและสังคมในคราวเดียวกัน
บอกลา Fast Fashion สนับสนุนมือสองและยืดอายุการใช้งานนานขึ้น
อุตสาหกรรมสุดท้ายที่เรียกว่าเป็น A list ในการสร้างขยะเหมือนกัน นั่นก็คืออุตสาหกรรมแฟชั่น ซึ่งแฟชั่นเป็นเรื่องของเทรนด์ การเปลี่ยนสไตล์อย่างรวดเร็วก่อให้เกิดวัฒนธรรมที่เรียกว่า Fast Fashion ซื้อมาใส่ไม่กี่ครั้งแล้วทิ้ง จากนั้นก็ซื้อสไตล์ใหม่รุ่นใหม่ แน่นอนว่าสิ่งนี้กระทบทรัพยากรธรรมชาติและความสามารถในการกำจัดขยะของทุกหน่วยงานเป็นอย่างมาก
แต่ชาวแฟชั่นก็ไม่ได้นิ่งนอนใจในปัญหานี้ มีหลายคนที่ลุกขึ้นมาสร้างสรรค์วิธีการแก้ไขปัญหาแตกต่างกันไป โดยเน้นไปที่การสนับสนุนการซื้อ-ขายและแลกเปลี่ยนเสื้อผ้ามือสอง เพื่อไม่ก่อให้เกิดการดูดดึงทรัพยากรในธรรมชาติมาใช้ในการผลิตใหม่ ลดการเกิดมลพิษทางอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น Fashion Revolution Thailand กลุ่มคนรักแฟชั่นที่จัดงานอีเวนต์และรณรงค์ให้ ‘ลด ละ เลิก’ การซื้อเสื้อผ้าใหม่ แต่เคลื่อนไหวให้ผู้คนเกิดการแลกเปลี่ยนเสื้อผ้ากันแทน หรือ Reviv บริการรับซ่อมเสื้อผ้าที่ชำรุด เพื่อหวังต่ออายุสินค้าแฟชั่นให้ทุกคนใช้ได้นานขึ้น
เรียนรู้ที่จะดูแล อยู่ร่วมกับต้นไม้และระบบนิเวศ
พื้นที่สีเขียว หรือต้นไม้เป็นปัจจัยสำคัญสำหรับคนเมืองเป็นอย่างมาก เพราะทำหน้าที่เป็นปอดให้คนกรุง เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยดูแลเรื่องระบบนิเวศและมลภาวะทางอากาศให้ อีกทั้งยังช่วยดูแลทั้งกายและจิตใจของคนเมือง ประโยชน์ของต้นไม้ยังรวมไปถึงสัตว์ตัวเล็กๆ ที่แฝงตัวอาศัยอยู่ในเมืองร่วมไปกับพวกเราด้วย ปัญหาคือการพัฒนาเมืองบางครั้งนำมาซึ่งการตัดไม้และดูแลอย่างไม่ถูกวิธี ดังนั้นคนที่ดูแลและปกป้องต้นไม้ได้จึงสำคัญ ถือเป็นหัวใจหลักในการช่วยให้สิ่งแวดล้อมเติบโตร่วมกับเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่าง Big Trees Project ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่เห็นความสำคัญของสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อสังคม นำมาสู่ไอเดียการสร้างคนให้เข้าใจต้นไม้และพร้อมที่จะดูแลต้นไม้ในกรุงเทพฯ ให้เติบใหญ่อย่างแข็งแรงในสวนสาธารณะ 60 แห่งทั่วกรุงเทพฯ หรือกลุ่ม Ari Eco Walk เองก็ช่วยให้คนเข้าถึงธรรมชาติแบบง่ายๆ ด้วยการสร้างกิจกรรมให้ผู้คนได้ออกไปเดินเท้าสำรวจเมือง ไปเห็นพืชพันธุ์และระบบนิเวศที่ซ่อนตัวอยู่อย่างหลากหลายภายในบริเวณถนนอารีย์ ได้เรียนรู้ข้อมูลและทำความเข้าใจวิถีชีวิตของแมลง นก กระรอก รวมถึงสัตว์เล็กในพื้นที่ ตลอดจนเจอพื้นที่ชุ่มน้ำและพื้นที่สีเขียวลับๆ ภายในย่านชุมชน
สนับสนุนให้เกิดพื้นที่สาธารณะสีเขียวเพื่อใกล้ชิดธรรมชาติ
อีกสิ่งหนึ่งที่คนเมืองอย่างเราต้องช่วยกันผลักดันสนับสนุนให้เกิด นั่นก็คือพื้นที่รูปแบบต่างๆ ที่มีต้นไม้และธรรมชาติให้ผู้คนสามารถเข้าไปเรียนรู้และใกล้ชิด จริงๆ ไม่ต้องสร้างพื้นที่สเกลใหญ่โตอะไรมากมาย บ้านใครสะดวกแบบไหนก็ทำแบบนั้น ช่วยกันปลูกคนละต้นสองต้น เมืองเราก็เขียวมากขึ้นและมีต้นไม้ที่จะช่วยเป็นปอดเพิ่มขึ้นมาอีกหน่อยแล้ว
อย่าง We! park ก็เป็นหน่วยงานไม่แสวงหาผลกำไรที่เล็งเห็นความสำคัญของพื้นที่สาธารณะสีเขียวที่มีต่อเมือง พวกเขาจึงร่วมมือกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เพื่อพลิกฟื้นพื้นที่ที่ไม่มีประโยชน์ในกรุงเทพฯ ให้กลายเป็นสวนสาธารณะขนาดเล็กให้ผู้คนใช้ประโยชน์ได้ แถมยังมีการจัดทำคู่มือให้บุคคลทั่วไปสามารถเรียนรู้ที่จะทำ Pocket Park หรือ สวนสาธารณะเล็กๆ ที่ชุมชนหรือพื้นที่ของตนได้ด้วย
ทั้งหมดก็เป็นวิธีการง่ายๆ ที่เราสามารถช่วยกันลดปัญหาสิ่งแวดล้อมในเมืองได้ ถึงจะต้องอาศัยความพยายามและความตั้งใจกันหน่อย แต่เชื่อว่าไม่ยากเกินความสามารถของทุกคนแน่นอน อย่าลืมว่าสิ่งแวดล้อมจะอยู่อย่างยั่งยืนได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของพวกเราทุกคนแล้ว!
ใครที่มีไอเดียส่งเสริมสิ่งแวดล้อม หรือแก้ปัญหาขยะอะไรดีๆ ก็ไม่ต้องเก็บเอาไว้คนเดียว เตรียมแบ่งปันและร่วมสร้างสรรค์กันได้ในงาน Bangkok Design Week 2023 ปีนี้ มาร่วมสร้าง urban‘NICE’zation เมือง-มิตร-ดี เมืองที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยกันเถอะ
–
Bangkok Design Week 2023
urban‘NICE’zation
เมือง-มิตร-ดี
4-12 February 2023
#BKKDW2023
#BangkokDesignWeek
#urbanNICEzation